สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์ที่ทำให้ Phablet กลายเป็นขนาดมือถือยอดนิยม ที่การกลับมาในรอบปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งจากเกาหลีเลือกที่จะกระโดดข้ามเลขรุ่นของซีรีส์ไปหนึ่งหมายเลข เพื่อเป็นการป้องกันความสับสนในเรื่องของเลขซีรีส์ที่ออกจำหน่ายภายในปีเดียวกันระหว่างซีรีส์ Galaxy S และ Galaxy Note และเพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จของ Samsung Galaxy S7 และ S7 Edge นี่จึงเป็นที่มาของหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปีนี้ Samsung Galaxy Note 7
ในภาพรวมเมื่อแรกพบสบตาจากรูปลักษณ์ภายนอก Note 7 ให้ความรู้สึกเหมือน S7 Edge ที่มี S-Pen เพิ่มมาให้ ซึ่งจริง ๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น โดยขนาดของตัวเครื่องที่ 6.04 x 2.91 x 0.31 นิ้ว ทำให้เมื่อเทียบกับ Note 5 แล้ว Note 7 จะสูงกว่านิด แคบกว่าหน่อย และหนากว่าอยู่แค่นิดเดียว น้ำหนักเบากว่านิด ๆ ที่ระดับ 169 กรัม ทำให้ขนาดของ Note 7 ดูจะเหมาะมือมากขึ้น และเหมาะสมกับการใช้งานมือเดียวได้ดีกว่าเดิม ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว สเปคโดยรวมของตัวมันก็ยังไม่หนีจาก S7 Edge มากนัก แต่แตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญในบางจุด
จุดแรกที่โดดเด่นและเรียกเสียงซี้ดซ้าดได้มากคือเครื่องสแกนม่านตา หรือ Iris Scanner ที่ในอดีตเราเคยเห็นกันแต่ในภาพยนตร์สายลับระดับโลก วันนี้เทคโนโลยีนี้มาอยู่ในฝ่ามือของเราแล้ว กับความสามารถที่ใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 5 ปี แต่ใช้เวลาในการทำงานเพื่อเข้าและถอดรหัสเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น โดยเครื่องสแกนม่านตานี้ สามารถทำงานทะลุทะลวงแว่นตา คอนแทคเลนส์ และใช้งานในที่มืดได้ แต่เน้นประโยชน์ใช้สอยในการเก็บข้อมูลลับต่าง ๆ เป็นสำคัญ ทั้งการสร้างโฟลเดอร์ลับ, การซ่อนแอปพลิเคชั่น, การเก็บข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรประชาชน รวมทั้งการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินของ Samsung Pay เองอีกด้วย
คุณสมบัติสำคัญประการต่อมาคือความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่หมายรวมถึงการใช้งานปากกา S-Pen ใต้น้ำอีกด้วย ใครจะรู้ เผื่อบางทีเราอาจอยากจดบันทึกขณะอยู่ในน้ำ หรือวาดรูปหุบเขาใต้ท้องทะเลเป็นของที่ระลึกจากวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ถ้าไม่ใช้เขียนหรือวาดรูป S-Pen ใต้น้ำก็อาจช่วยคุณควบคุมการใช้งานกล้องถ่ายภาพได้ด้วยนะ มีประโยชน์เห็นไหม ในขณะที่ตัว S-Pen เองก็ได้รับการพัฒนามาไกลมาก กับหัวปากกาที่มีขนาดเล็กกว่า 0.7 มิลลิเมตร กับความสามารถในการรองรับแรงกดสูงสุดถึง 4096 ระดับ สูงกว่ารุ่นเดิมสองเท่า ใช้งานง่าย เสมือนจริงมากขึ้น และใช้เวลาตอบสนองเพียง 50 มิลลิวินาที
นอกจากนั้น มันก็ยังมีเพิ่มเติมเข้ามาอีกหลายฟีเจอร์ ทั้ง “Translate” เอา S-Pen ไปชี้ที่ัตัวหนังสือที่ต้องการแปลเพื่อแปลภาษานั้นในแบบเรียลไทม์ แถมสามารถใช้ S-Pen แตะไปที่สัญลักษณ์ Speaker เพื่อให้เครื่องอ่านออกเสียงได้ด้วย, “Glance” ที่ใช้ย่อหน้าจอของแอปมาอยู่ตามมุมเล็ก ๆ เมื่อเราต้องการย่อส่วนมันพักไว้ และใช้ S-Pen ชี้เพื่อขยายแอปนั้นสู่หน้าจอเต็มได้ และ “Magnify” ใช้ S-Pen ชี้เพื่อเป็นการขยายหน้าจอส่วนนั้น ๆ เสมือนการทำงานของแว่นขยาย แถมสามารถใช้งานได้ตลอดเวลาแม้ยังไม่ได้ปลดล็อคหน้าจอ ด้วยคุณสมบัติ Screen Off Memo, ปักหมุดข้อมูลที่บันทึกไว้บนหน้าจอแบบ Always-On และแบ่งปันไฟล์ภาพแบบ GIF ได้จากคุณสมบัติ Smart Select อีกด้วย นี่ไม่รวมว่าควรต้องย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้ มันทำงานใต้น้ำได้นะจ๊ะนายจ๋า
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของอแดปเตอร์และสายชาร์จ ซึ่งแม้จะมาเป็น USB Type-C แบบ Adaptive Fast Charge ที่จ่ายไฟ 9V1.67A แต่ก็สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ Quick Charge 2.0 ได้ โดยอแดปเตอร์จะมีหัวด้านหนึ่งเป็น USB Type-A อีกด้านเป็น USB Type-C และมีหัวแปลงกลับไปมาระหว่าง USB Type-C เป็น micro-USB แถมมาให้ในกล่องพร้อมกันด้วย ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้พอร์ต micro-USB ที่คุณอาจมีใช้งานอยู่แล้วได้ง่าย ๆ ไม่ต้องซื้อหาอุปกรณ์หรือสายชาร์จใหม่แต่อย่างใด อันนี้นายแน่มาก!
นอกจากนั้น Note 7 ยังเสริมการทำงานของผู้ใช้ด้วย Samsung Cloud ที่มาพร้อมคุณสมบัติ Smart Switch ที่เอื้อให้ผู้ใช้สำรองและโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้น จะเปลี่ยนจากเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่ หรือจะย้ายระบบปฏิบัติการก็ทำได้ง่ายดาย โดยผู้ใช้งาน Note 7 จะได้รับพื้นที่ Samsung Cloud ไปใช้ฟรี ๆ 15GB ทันที แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม มีสี่สีหม้อไฟ ได้แก่ สีดำ Black Onyx, สีเงิน Silver Titanium, สีทอง Gold Platinum และสีฟ้า Blue Coral โดยเมืองไทยจะนำสามสีแรกเข้ามาจำหน่ายก่อน ในขณะที่คนที่หลงใหลได้ปลื้มกับสีฟ้าเวลาหิว คงจะต้องร้องเพลงรอต่อไป เริ่มจำหน่าย 19 สิงหาคมนี้ ราคาเปิดตัว 28,900 บาท
สเปคของ Samsung Galaxy Note 7
หน้าจอ Super AMOLED 5.7” QHD แบบ Dual Edge Display
กระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 5 รุ่นแรกของโลก
ขนาดเครื่อง 135.5 x 73.9 x 7.9 มิลลิเมตร, หนัก 169 กรัม
กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (ไม่เกิน 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)
ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วย Grace UI
ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 8890 Octa-Core 2.3GHz
RAM 4GB LPDDR4, ROM 64GB
รองรับ micro-SD Card ความจุสูงสุด 256GB
กล้องหลัก Dual Pixel 12MP (F1.7, OIS, LED Flash)
กล้องหน้าความละเอียด 5MP (F1.7)
รองรับ 4G LTE Cat.9, 3CA, Full Netcom 3.0
รองรับ Dual SIM (Hybrid Slot), NFC
รองรับวิดิโอสตรีมมิงแบบ HDR
รองรับ VoLTE ทั้งสามเครือข่ายหลัก (AIS, dtac, TrueMove H)
รองรับ VoWiFi (WiFi Calling) บนเครือข่าย dtac
เครื่องสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint Sensor
เครื่องแสกนม่านตา Iris Scanner
พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
รองรับ Quick Charge 3.0 ชาร์จเต็มได้ใน 100 นาที
รองรับ Wireless Charging
แบตเตอรีขนาด 3500 mAh
[Sources: Samsung, Phonearena Images: Samsung]
RELATED POSTS