ผู้กำกับ: ทิเมอร์ เบคแมมเบตอฟ
นักแสดง: แจ็ค ฮูสตัน, โทบี้ เค็บเบลล์, มอร์แกน ฟรีแมน และโรดริโก ซานโตโร
เข้าฉาย: 18 สิงหาคม 2559
“Ben-Hur ฉบับปี 1959 ไม่ได้เป็นแค่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่มันคือปรากฏการณ์ที่แผ่อิทธิพลไพศาลไปยังวัฒนธรรมแห่งศตวรรษที่ 20” นี่คือคำกล่าวของผู้กำกับชาวคาซัค ทิเมอร์ เบคแมมเบตอฟ กล่าวไว้หลังจากรู้ว่าตนเองกำลังจะได้รับตำแหน่งกำกับภาพยนตร์เอพิคขึ้นหิ้งเรื่องนี้
จะไม่ให้กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อนี่คือภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลออสก้าร์ถึง 11 สาขา เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกตลอดกาลของหลายสำนักวิจารณ์ และที่สำคัญ Ben-Hur ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เอพิคที่ขายเรื่องราววีรบุรุษทั่วไป แต่มันยังผนวกเอาเสี้ยวประวัติของมหาบุรุษคนสำคัญของโลกเอาไว้อีกคน ที่เรารู้จักกันในนามของพระเยซูอีกด้วย เพราะเรื่องราวใน Ben-Hur คาบเกี่ยวกับชีวประวัติของพระเยซู และเหตุการณ์สำคัญในช่วงชีวิตของพระเยซูยังส่งผลสำคัญกับเรื่องอีกด้วย การปลุกชีพมหาตำนานภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นใหม่อีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
เบน-เฮอร์หรือชื่อเต็มยศ จูดาห์ เบน-เฮอร์ (แจ็ค ฮูสตัน) เป็นเจ้าชายชาวยิวแห่งยูเดีย (หรือกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน) เขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบายกับพระมารดา และพระขนิษฐา จวบจนกระทั่งวันหนึ่งพระสหายในวัยเด็กอย่างเมสซาลา (โทบี้ เค็บเบลล์) แม่ทัพแห่งจักรวรรดิโรมันที่เรืองอำนาจอยู่ในยุคนั้น ได้เดินทางมาเยือนยูเดียหนึ่งในอาณาจักรที่อยู่ใต้การปกครองของโรมันในยุคนั้น เพื่อขอให้จูดาห์ช่วยกำราบชาวยิวที่แข็งข้อต่อโรมัน ทว่าเลือดความเป็นยิวอันเข้มข้น ทำให้จูดาห์ปฏิเสธ และนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เมสซาลาหาทางกำจัดผู้ปกครองแห่งยูเดียไปให้พ้นทาง ตั้งแต่กุมตัวหญิงอันเป็นที่รักของจูดาห์ทั้งสองไปขังในคุกมืด และขับไล่เขาไปเป็นทาสฝีพายให้เรือรบโรมันอยู่หลายปี และเหตุการณ์ต่อจากนี้คือมหากาพย์ของการทวงแค้นเมื่ออดีตกษัตริย์ที่ตกอยู่ในสถานะทาสจะขอประกาศศักดาทวงคืนความชอบธรรมให้แก่ตนเอง และปลดแอกประชาชนชาวยิวไปสู่ยุคใหม่ใต้ร่มเงาศาสดาพระเยซู
นี่เป็นการหวนคืนกลับขึ้นจอเงินครั้งที่ 4 ของ Ben-Hur ซึ่งตัวผู้กำกับ-ทิเมอร์ เบคแมมเบตอฟ (เจ้าของหนังแอ็คชั่นวิสัยทัศน์ล้ำอย่าง Wanted, Night Watch ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ในภาพยนตร์ฉบับรีเมค เขาไม่ได้ต้องการมุ่งเน้นไปที่ฉากอลังการแต่เพียงอย่างเดียว เพราะดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญ และจดจำแต่ฉากแข่งรถศึกอันเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง มากกว่าจะให้ความสำคัญกับตัวละคร และความขัดแย้งต่างๆ ที่สำคัญคือแก่นแท้คำสอนของพระเจ้าที่สอดแทรกอยู่ในหนังอย่างเรื่องการไถ่บาป การให้อภัย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนั้นคือหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้หนังเป็นอมตะเหนือกาลเวลา
RELATED POSTS